ทีมชาติสเปนยุคถ่ายเลือดใหม่ ดีพอที่จะกลับสู่วันที่ยิ่งใหญ่ได้หรือยัง

ทีมชาติสเปนยุคถ่ายเลือดใหม่ ดีพอที่จะกลับสู่วันที่ยิ่งใหญ่ได้หรือยัง

หลังจากการอำลาทีมชาติของผู้เล่นหลายคนในทีมชาติสเปน ทำให้ฟอร์มของพวกเขาดูจะเงียบไปสักพักหนึ่ง พวกเขาพร้อมหรือยังที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในศึกยูโร 2020

การผลัดเปลี่ยนและการร่วงโรย ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ ตามกฎเกณฑ์แห่งเวลา ในโลกแห่งฟุตบอลก็เช่นกัน และทีมชาติสเปน ก็คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ที่ผลกระทบจากการผลัดเปลี่ยนผู้เล่น สร้างปัญหาให้พวกเขาค่อนข้าง จะมากมายเลยทีเดียว เมื่อพวกเขาไม่สามารถรักษาผลงานระดับสุดยอดได้เหมือนที่เคยเป็นมา จนทำให้พวกเขาดูจะเงียบ ๆ ไปพอสมควร ในรายการใหญ่ระดับชาติ สามรายการที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2014 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2016 และรอบเดียวกันในฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมันมีผลมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้

การหายไปพร้อมกันหลายคนของสุดยอดผู้เล่นทีมชาติสเปน

ถ้าเปรียบการผลัดเปลี่ยนผู้เล่นของฟุตบอล กับการถ่ายเลือดใหม่อย่างที่คุ้นหูในปัจจุบัน กรณีของทีมชาติสเปนนั้น ก็คงจะเปรียบได้กับการถ่ายเลือดแบบที่เอาเลือดเก่าออกไปเยอะเกิน แถมยังเยอะเกินกว่าจาเลือดใหม่เข้ามาทดแทนได้อย่างเพียงพออีกด้วย แน่นอนล่ะว่าการอำลาทีมชาติของผู้เล่นระดับโลกมันย่อมส่งผลกระทบกับทีมอยู่แล้ว แต่สำหรับสเปนมันเกิดปัญหาที่ใหญ่กว่าทีมไหน ๆ เมื่อผู้เล่นที่พร้อมใจกันหายหน้าออกไปจากทีมล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นระดับโลกทั้งนั้น การที่จะหาคนมาทดแทนนักเตะอย่าง อิเกร์ คาสิยาส, เคราร์ด ปิเก้, ดาบิด บีย่า, ชาบี้ เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า, เฟอร์นานโด ตอร์เรส, ซาบี้ อลอนโซ่ และอีกหลายคน แค่คิดก็แทบจะกลั้นใจตายแล้ว ไม่ว่าโค้ชคนเก่งรายไหนก็ตาม

ช่องว่างระหว่างผู้เล่นเก่ากับผู้เล่นที่จะมาทดแทนในทีมชาติสเปน

ช่วงรุ่งโรจน์ของทีมชาติสเปน อย่างที่รู้ว่าทีมเต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโลก ซึ่งข้อดีก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาเก่งกาจขนาดไหน แต่ในมุมหนึ่ง ส่วนที่เป็นข้อเสียก็คือ มันทำให้ยากนักที่จะมีผู้เล่นดาวรุ่งแทรกตัวผ่านรุ่นพี่เหล่านั้น ขึ้นมาสัมผัสกับประสบการณ์ในการลงสนามเกมใหญ่ ๆ ซึ่งจุดนี้มันจึงส่งผลกระทบอย่างมาก เมื่อบรรดารุ่นพี่พวกนั้นหายหน้าไปจากทีมพร้อม ๆ กัน เหล่าเด็กรุ่นต่อมาที่ขึ้นมาแทน นอกจากจะไม่ค่อยมีประสบการณ์แล้ว อีกมุมหนึ่งพวกเขายังต้องแบกรับความคาดหวังของแฟนบอลไว้อีกด้วย ว่าพวกเขาจะต้องทำให้ได้ในระดับเดียวกับที่ชุดก่อนเคยทำเอาไว้ มันจึงไม่ง่ายเลยสำหรับบรรดากระทิงหนุ่มทั้งหลาย

สำหรับทีมชุดลุยศึก ยูโร 2020 นี้ พวกเขายังคงมีตัวเก๋าที่คอยประคองรุ่นน้องอยู่ นำโดยกัปตันทีมแซร์จิโอ รามอส และรองกัปตัน อย่างแซร์จิโอ บุสเก็ตส์ เป็นแกนหลักในแผงเกมรับ และแผงมิดฟิลด์ตามลำดับ ส่วนหลังบ้านมีดาบิด เด เคอา กับเกปา อาลิสซาบาลาก้า ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่ฝีมือดี แผงหลังมีราอูล อบิโอล จับคู่กับรามอส ขนาบด้วยจอร์ดี้ อัลบา กับดานี่ การ์บาคัล จากมาดริด แผงกลางมีบุสเก็ตส์ประคองเกม ร่วมกับเด็กหนุ่มอย่าง ติอาโก้ อัลกันตารา, โรดรี้, ฟาเบียน รุยส์, ซาอูล นิเกวซ และคนอื่นคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน สนับสนุนเกมรุกที่มีอัลวาโร โมราต้า เป็นหล้าตัวเป้า พร้อมหน่วยสร้างสรรค์ อย่างอิสโก้, กาซอร์ล่า, มูเนียอิน คอยปั้นเกมอยู่ข้างหลัง

สำหรับการแข่งขันยูโร 2020 นี้ ทีมชาติสเปนถูกจับให้อยู่ในกลุ่ม อี ซึ่งมีเพื่อนร่วมกลุ่มคือสวีเดน โปแลนด์ และอีกหนึ่งทีมจากรอบเพลย์ ออฟ หากดูจากผู้เล่นและฟอร์มในรอบคัดเลือกแล้ว พวกเขาอาจจะมีโอกาสไม่น้อยเลย ที่จะกลับมาสู่ความสำเร็จ บนเวทีระดับชาติอีกครั้ง เพราะเด็กหนุ่มเหล่านี้ ก็ผ่านการสั่งสมประสบการณ์ มาแล้วถึงสองรายการใหญ่ และถ้าหากพวกเขาอยู่ในฟอร์มการเล่นของตัวเองแล้วละก็ ไม่ว่าทีมไหนในยูโร พวกเขาก็ไม่เกรงกลัวอย่างแน่นอน และสำหรับแฟนฟุตบอลของทีมกระทิงดุ น่าจะได้ลุ้นทีมที่พวกเขารักไปถึงรอบลึก ๆ ในยูโร 2020 แน่ เชื่อว่าพวกเขามีดีพอ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย