เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับเอแดน มีกาแอล อาซาร์ นักเตะทีมเรอัล มาดริด

เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับเอแดน มีกาแอล อาซาร์ นักเตะทีมเรอัล มาดริด

หากเอ่ยถึงนักเตะที่มีฝีมือในโลกนี้ เราคงจะนับนิ้วกันไม่ถ้วน เพราะในแต่ละยุคแต่ละสมัยเองก็มีนักเตะที่เก่งกาจแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าเอ่ยถึงยุคนี้แล้วล่ะก็ เอ่ยชื่อ เอแดน อาซาร์ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะหนุ่มนักเตะคนนี้เป็นนักเตะที่เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจชาวโลกเลยก็ว่าได้ อ่านมาจนถึงตอนนี้คงอยากรู้จักนักเตะคนนี้แล้วใช่หรือไม่ วันนี้เราจะพามาดูเรื่องราวของเอแดน อาซาร์ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

อาซาร์ หนุ่มนักเตะจากแดนเบลเยี่ยม

คงมีหลายคนไม่รู้มาก่อนว่าหนุ่มอาซาร์นั้นมาจากประเทศเบลเยี่ยม เมืองลาลูเวียร์ โดยเขาเกิดในวันที่ 7 มกราคม 1991 หากจะบอกว่าเขาคือลูกไม้หล่นใต้ต้นก็คงไม่ผิดนัก เพราะหนุ่มนักเตะคนนี้เป็นลูกชายของนักฟุตบอลชาวเบลเยียม ชีวิตของอาซาร์เริ่มต้นจากการเล่นเป็นนักเตะมืออาชีพให้กับสโมสรรัวยาลสตาดแบรนัว อันเป็นสโมสรท้องถิ่นในประเทศเบลเยี่ยม หลังจากนั้นเขาได้ก้าวเข้ามาเล่นในลีกเอิง กับสโมสรลีล ซึ่งที่สโมสรลีล เขาได้เล่นอยู่ราว 2 ปี แล้วได้รับคัดเลือกมาเล่นกับสโมสรชุดใหญ่ และได้เป็นนักเตะหลักในการคุมทีมของรูดี การ์ซีอา นั่นเอง

นักเตะชาวต่างชาติคนแรกที่ได้สหภาพนักฟุตบอลอาชีพนานาชาติ

ด้วยความเก่งกาจของอาซาร์ ทำให้เขาได้รับรางวัลที่ชื่อว่าสหภาพนักฟุตบอลอาชีพนานาชาติและรางวัลนักฟุตบอลเยาวชนยอดเยี่ยม ความน่าทึ่งของเขาอีกประการหนึ่งก็คือเขาเป็นนักเตะชาวต่างชาติคนแรกที่ได้รางวัลนี้ และยังได้รางวัลถึงสองครั้งติดต่อกัน นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของรางวัลนี้เลยก็ว่าได้

นักเตะแถวหน้าของเรอัล มาดริด

ในปัจจุบัน เขาเล่นตำแหน่งปีก อันเป็นกองกลางตัวรุก โดยจุดเด่นที่ทำให้หลาย ๆ คนหลงรักและเอาใจช่วยนักเตะคนนี้ก็คือ ทักษะการเล่นอันแสนจะสร้างสรรค์ มีความเร็วเป็นพิเศษหาตัวจับยาก อีกทั้งยังได้ฉายาด้วยว่า “นักเตะที่เป็นฝันร้ายของกองหลัง” จากทักษะการเล่นอันแสนเยี่ยมยอดนี้ ทำให้เขาถูกเปรียบเทียบกับเมสซี่ รวมไปถึงโรนัลโดเลยทีเดียว

อาซาร์กับบทบาททีมชาติ

สำหรับใครที่สงสัยว่าอาซาร์มีผลงานทีมชาติเป็นอย่างไรบ้าง ก็ขอตอบว่าอาซาร์ได้มีการลงทีมชาติเบลเยี่ยมตั้งแต่เขาอายุ 17 ปีเลยทีเดียว เกมแรกที่เขาลงเตะเป็นเกมที่แข่งขันกับลักเซมเบิร์ก โดยหน้าที่ของอาซาร์ในเกมนั้นคือการมาเป็นตัวสำรองในช่วงหลังของการแข่งขันแล้ว แต่ทว่าเขาก็ทำผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจ และทำให้หลังจากนั้นเขาก็ติดทีมชาติเบลเยี่ยมอีก 28 นัดเลยทีเดียว

จะเห็นว่าหนุ่มนักเตะคนนี้มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และมีความเพียรพยายามที่จะเดินไปในเส้นทางสายนักฟุตบอล นับเป็นสิ่งที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง