อีกหนึ่งรางวัลสำหรับ “เอริค คันโตน่า” ราชาแห่งปีศาจแดงทั้งมวล

อีกหนึ่งรางวัลสำหรับ “เอริค คันโตน่า” ราชาแห่งปีศาจแดงทั้งมวล

เอริค คันโตน่า ศิลปินลูกหนังแห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกเลือกให้เป็นผู้รับรางวัล “ยูฟ่า เพรสซิเดนท์ อวอร์ด” ประจำปี 2019 ซึ่งเป็นรางวัลที่สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) มอบให้กับอดีตนักฟุตบอลที่มีความโดดเด่น ประสบความสำเร็จในชีวิตค้าแข้ง มีความเป็นมืออาชีพและเป็นแบบอย่างที่ดี ถือเป็นนักเตะปีศาจแดงคนที่ 3 ที่ได้รับรางวัลนี้ ต่อจากบ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ เดวิด เบ็คแฮม เจ้าของรางวัลคนล่าสุด โดยจะมอบรางวัลในงานจับสลากแชมเปี้ยนส์ลีกรอบคัดเลือกที่จะถึงนี้

คันโตน่า ย้ายจากลีดส์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมปีศาจแดงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปี 1992 ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ ในเวลานั้นปีศาจแดงรั้งอันดับที่ 8 ของตารางคะแนน แต่เพียง 6 เดือนศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศสก็พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จด้วยคะแนนทิ้งห่างแอสตัน วิลล่าถึง 10 คะแนน สิ้นสุดการรอคอยอันยาวนานถึง 26 ปี ซึ่งการคว้าแชมป์ครั้งนี้ทำให้คันโตน่าเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศกับสองสโมสร โดยปีก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งพาลีดส์ ยูไนเต็ดเป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 ซึ่งถือเป็นลีกสูงสุดในขณะนั้น

ในปีต่อมาเป็นฤดูกาลแรกที่พรีเมียร์ลีกกำหนดให้นักเตะแต่ละคนมีหมายเลขเสื้อประจำตัว คันโตน่าเลือกใส่หมายเลข 7 นำแมนฯ ยูไนเต็ดป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ก่อนจะเป็นคนสังหาร 2 จุดโทษช่วยให้ทีมปีศาจแดงเอาชนะเชลซีด้วยสกอร์ 4-0 ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ ปิดฉากฤดูกาลด้วยดับเบิ้ลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นดาวซัลโวของทีมด้วยผลงาน 25 ประตู และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 1993-94 น่าเสียดายที่ฤดูกาลถัดมาเหตุการณ์ “กังฟูคิก” ส่งผลให้เขาถูกแบนถึง 8 เดือน หมดสิทธิช่วยทีมตลอดฤดูกาลที่เหลือ จนปีศาจแดงจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า

หลังจากพ้นโทษแบนกลับมา ซึ่งตรงกับศึกแดงเดือด คันโตน่าก็แผลงฤทธิ์ทันทีเมื่อเป็นคนจ่ายบอลให้นิกกี้ บัตต์ยิงประตูขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ก่อนจะมายิงจุดโทษช่วยชีวิตปีศาจแดงให้เสมอคู่อริ  2-2 ในบ้านตัวเอง ศูนย์หน้ากัปตันทีมยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำจนทวงแชมป์พรีเมียร์ลีกกลับมาได้สำเร็จ ก่อนจะเป็นผู้ยิงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพกับลิเวอร์พูล ช่วยให้ปีศาจแดงคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้อีกครั้ง ถือเป็นทีมแรกที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ 2 สมัย

ในปี 1996-97 หลังนำลูกทีมรับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 คันโตน่าก็ช็อกแฟนผีทั่วโลกด้วยการประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 30 ปี ปิดฉาก 5 ปีอันยิ่งใหญ่ในโรงละครแห่งความฝันด้วยผลงาน 82 ประตู 9 แชมป์ ได้รับสมญานามจากแฟนปีศาจแดงว่า “เดอะ คิง” และได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

                อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานยูฟ่า กล่าวถึงคันโตน่าหลังจากถูกเลือกให้รับรางวัลเพรสซิเดนท์ อวอร์ดนี้

                “รางวัลนี้ไม่ได้มอบให้เพื่อยกย่องความสำเร็จตลอดเส้นทางอาชีพของเขาเท่านั้น แต่ยังมอบเพื่อเป็นเกียรติในสิ่งที่เขาเป็น ชายผู้ไม่เคยอ่อนข้อให้กับสิ่งใด, ชายผู้ยืนหยัดเพื่อคุณค่าของตัวเอง, ชายผู้พูดอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุ่มเททั้งหัวใจและจิตวิญญาณเพื่อสนับสนุนสิ่งที่เขาเชื่อมั่น” ซึ่งนั้นคือตัวตนทั้งหมดของเขา…เอริค เดอะ คิง

ช่วงเวลาที่ยากลำบากของปีศาจแดง กับนักเตะตำแหน่งสำคัญที่ตามหา

ช่วงเวลาที่ยากลำบากของปีศาจแดง กับนักเตะตำแหน่งสำคัญที่ตามหา

การเสริมทีมด้วยนักเตะอย่าง ดาเนียล เจมส์, อารอน วาน-บิสซาก้า และแฮรี่ แม็กไกวร์ ถือเป็นการปิดจุดอ่อนที่ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เผชิญปัญหามาหลายปี แถมสโมสรยังสามารถรั้งตัวพอล ป็อกบา นักเตะผู้มีผลงานดีที่สุดจากปีก่อนไว้ได้ แฟนผีจึงพากันความหวังว่าจะได้ลืมตาอ้าปากเสียที หลังตกเป็นเบี้ยล่างให้กับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง “ลิเวอร์พูล” และเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญอย่าง “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” มาตลอด ยิ่งในนัดเปิดสนามพลพรรคปีศาจแดงจัดการถล่มคู่แข่งสำคัญอย่าง “เชลซี” ไปถึง 4-0 ทำเอาบรรดาแฟนคลับสร้างวิมานเป็นการใหญ่ แต่แล้วในอีก 2 นัดต่อมา แมนฯ ยูไนเต็ดกลับทำได้เพียงเสมอ “วูล์ฟแฮมตัน” และพ่ายคาบ้านให้กับ “คริสตัน พาเลซ” ปิดฉากช่วงเวลาแห่งน้ำผึ้งพระจันทร์ไปอย่างรวดเร็ว

เพียงแค่เริ่มฤดูกาล แมนฯ ยูไนเต็ดก็ทำคะแนนหล่นหายไปแล้ว 5 แต้ม โดยทั้งสองเกมนั้นปีศาจแดงเป็นฝ่ายครองเกมไว้อย่างแบบเบ็ดเสร็จ แต่กลับไม่สามารถจบสกอร์ได้แม้จะมีโอกาสจากจุดโทษก็ตาม เป็นผลให้โดนทีเด็ดของคู่แข่งเล่นงานเข้าในที่สุด ซึ่งทั้งสองเกมโอเล่ กุนนาร์ โซลชา เลือกใช้ผู้เล่นชุดเดียวกัน เป็นเครื่องยืนยันว่านี่คือทีมที่ลงตัวที่สุดของผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ แต่เมื่อผลงานออกมาเช่นนี้จึงหนีไม่พ้นเครื่องหมายคำถามว่า นี่คือทีมที่ดีที่สุดจริงหรือ?

แม้ทั้งสองประตูที่เสียให้กับพาเลซ จะเป็นผลจากความผิดพลาดในการเข้าสกัดบอลของวิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และการปิดมุมที่ผิดพลาดของดาวิด เด เคอา แต่เมื่อพิจารณาแล้วจุดเริ่มต้นกลับมาจากแนวรุกที่ไม่สามารถเจาะการตั้งรับคู่แข่งได้ จนเสียบอลแล้วถูกโต้กลับเร็ว ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการขาดนักเตะจอมทัพที่คอยสร้างสรรค์โอกาสในเกมรุกและจบสกอร์แบบเฉียบคม หรือที่เรียกกันในวงการฟุตบอลว่า “ผู้เล่นหมายเลข 10” ตามตำแหน่งแล้วหน้าที่นี้ย่อมตกเป็นของ เจสซี่ ลินการ์ด แต่แนวรุกทีมชาติอังกฤษกลับไม่สามารถแสดงศักยภาพได้ตรงตามตำแหน่ง โดยมีสถิติเป็นเครื่องยืนยันว่าลินการ์ดไม่สามารถยิงประตูหรือจ่ายให้เพื่อนทำประตูมาตั้งแต่ธันวาคม 2018 บกพร่องต่อหน้าที่มายาวนานอย่างไม่น่าให้อภัย แม้จะมีดีในเรื่องความทุ่มเทและวิ่งสู้ฟัด แต่นั้นคือทักษะที่จำเป็นสำหรับมิดฟิลด์ตัวรับ ไม่ใช่ตำแหน่งจอมทัพที่ได้รับมอบหมาย

เมื่อมองไปที่นักเตะที่มีอยู่ ด้วยทักษะและประสบการณ์ของอเล็กซิส ซานเชส ดูจะมีความเหมาะสมกับตำแหน่งจอมทัพไม่น้อย เว้นแต่ว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าของค่าจ้างสุดแพงจะเลือกย้ายออกจากทีมไป ฮวน มาต้า ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าจะลองให้โอกาสได้พิสูจน์ตัวเองในตำแหน่งนี้อีกครั้ง หลังถูกโยกไปเล่นแนวรุกริมเส้นในช่วงหลัง วิกฤตในแนวรับถูกแก้ไขไปแล้ว คอยดูกันว่าโซลชาจะจัดการปัญหาในแนวรุกอย่างไร จะเลือกให้โอกาสนักเตะคนอื่นดูบ้าง หรือจะเลือกทู่ซี้ใช้งานลินการ์ดต่อไป ทั้งนี้มีตำแหน่งผู้จัดการทีมปีศาจแดงเป็นเดิมพัน