เมื่ออดีตนักเตะสวมบทผู้จัดการทีม จะรุ่งหรือจะร่วง!

เมื่ออดีตนักเตะสวมบทผู้จัดการทีม จะรุ่งหรือจะร่วง!

หลายปีที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลายเป็นเวทีแสดงฝีมือของบรรดาผู้จัดการทีมชั้นแนวหน้าของโลกโดยเฉพาะทีมระดับท็อปล้วนเลือกใช้กุนซือที่มีตำแหน่งแชมป์เป็นเครื่องการันตีความสามารถทั้งนั้น แต่ปีนี้ “เชลซี” กลับเลือกใช้งาน แฟรงก์ แลมพาร์ด ในขณะที่ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ยังคงไว้วางใจในตัว โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นผู้จัดการทีมรุ่นใหม่ทั้งคู่ แถมมีสถานะพ่วงท้ายเหมือนกันคือ ตำนานนักเตะของสโมสร

แลมพาร์ด ถือเป็นนักเตะคนสำคัญของเชลซี โดยลงเล่นในเกมลีกติดต่อกันถึง 164 นัด เป็นผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสรด้วยจำนวน 211 ประตู และได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของเชลซีมากที่สุด 3 สมัย พาสิงโตน้ำเงินครามคว้า 13 แชมป์ตลอดระยะเวลา 13 ปีในถ้ำสิงห์ หลังแขวนสตั๊ดมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษเริ่มงานคุมทีม “ดาร์บี้ เคาน์ตี้” ในศึกแชมเปียนส์ชิพ โดยปีแรกก็สามารถพาทีมเกาะเขาเหล็กจบอันดับที่ 6 ได้โอกาสเตะเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้น เสียดายที่นัดชิงไปพ่ายให้กับ “แอสตัน วิลล่า” ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมนี้เชลซีจึงไม่ลังเลที่จะดึงเขากลับมารับหน้าที่ที่ว่างอยู่

ส่วนโซลชา คือหนึ่งในนักเตะขวัญใจของเหล่าแฟนผี แม้จะไม่ใช่ศูนย์หน้าตัวหลักของทีม แต่ทุกครั้งที่ได้ลงสนามก็มักจะทำประตูสำคัญได้เสมอ โดยเฉพาะประตูชัยที่แคมป์นู จนส่งให้ปีศาจแดงคว้า 3 แชมป์อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีส่วนร่วมกับ 11 แชมป์ตลอดระยะเวลา 11 ปีในโรงละครแห่งความฝัน กองหน้าชาวนอร์เวย์เริ่มต้นชีวิตหลังแขวนสตั๊ดด้วยการเป็นโค้ชกองหน้าปีศาจแดง ก่อนถูกดันให้เป็นผู้จัดการทีมสำรองในเวลาต่อมา เขาจะพาทีมสำรองคว้าแชมป์ในปี 2009/10 จนได้โอกาสรับงานผู้จัดการทีมชุดใหญ่กับ “โมลด์” ในทีมสุด โดยสามารถพาอดีตทีมสมัยเริ่มต้นอาชีพนักเตะคว้าแชมป์ลีกนอร์เวย์ 2 สมัยติด เมื่อโชโซ่มูรินโญ่ ถูกไล่ออก เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว ก่อนจะได้สัญญาถาวรจากทีมปีศาจแดงในที่สุด

ทั้งแลมพาร์ดและโซลชา ถูกปรามาสว่าจะเป็นผู้จัดการทีมคนแรกๆ ที่ถูกไล่ออกด้วยประสบการณ์ที่น้อยนิด แถมนักเตะที่ประสบความสำเร็จเมื่อผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมให้กับต้นสังกัดเดิมต้องย้อนไปสมัย บ๊อบ เพสลีย์ ซึ่งพาลิเวอร์พูล ครองความยิ่งใหญ่ทั้งเกาะอังกฤษและเจ้ายุโรปเมื่อ 30 กว่าปีก่อนโน้น โดยนักแตะชื่อดังหลายต่อหลายคนเอาชื่อเสียงไปทิ้งกับการคุมทีมเก่าทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น แกรม ซูเนสส์ นักเตะผู้ยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลที่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทำสโมสรตกต่ำเมื่อเปลี่ยนมาคุมทีมข้างสนาม หรือแม้แต่อลัน เชียเรอร์ สุดยอดกองหน้าระดับตำนานพรีเมียร์ลีกที่พานิวคาสเซิลตกชั้นในที่สุด

ผู้จัดการทีมยุคปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จในการคุมทีมเก่าต้องยกให้กับซีเนดีน ซีดาน, เป๊ป กวาร์ดิโอลา และดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ซึ่งล้วนแต่เป็นสโมสรประเทศสเปนทั้งสิ้น ต้องลุ้นว่าเร็วๆ นี้จะถึงคราวทีมจากอังกฤษบ้างหรือไม่ หรือทั้งคู่จะตามรอยรุ่นพี่ที่กระเด็นออกตำแหน่งไปก่อนเวลาอันควร

นักเตะใหม่ที่น่าจับตามองในเวทีพรีเมียร์ลีก 2019/20

นักเตะใหม่ที่น่าจับตามองในเวทีพรีเมียร์ลีก 2019/20

พรีเมียร์ลีก 2019/20 เป็นปีแรกที่มีการกำหนดให้แต่ละสโมสรต้องลงทะเบียนนักเตะให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 สิงหาคม ก่อนเปิดฤดูกาลนัดแรก แทนที่จะเป็นสิ้นเดือนสิงหาคมอย่างทุกปี แม้ปีนี้ตลาดซื้อ-ขายนักเตะพรีเมียร์ลีกจะไม่คึกคักเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมตบเท้าเข้าสู่ลีกอังกฤษอย่างไม่ขาดสาย ลองไปดูกันว่า 5 นักเตะหน้าใหม่ที่น่าจับตามองมีใครบ้าง?

นิโคลัส เปเป้ : อาร์เซนอล ค่าตัว 72 ล้านปอนด์

                ถือเป็นดีลสุดเซอร์ไพรส์ประจำตลาดซื้อขายรอบนี้เมื่อ “อาร์เซนอล” คว้าศูนย์หน้าทีมชาติโกตดิวัวร์มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรถึง 72 ล้านปอนด์ ซึ่งไม่น่าแปลกหากดูจากผลงานเมื่อปีก่อนที่ทำไว้ 23 ประตู 12 แอสซิสช่วยให้ “ลีลล์” ครองอันดับรองแชมป์ลีกเอิง โดยคาดว่าเมื่อได้ลงเล่นร่วมกับอเล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ และปิแอร์‑เอเมอริค โอบาเมยอง อาจเกิดเป็นสามประสานสุดอันตรายก๊วนใหม่ก็เป็นได้

คริสเตียน พูลิซิช : เชลซี ค่าตัว 58 ล้านปอนด์

                การย้ายออกไปของเอเดน อาซาร์ ที่แบกทีมมาตลอดหลายปี สร้างช่องว่างมหาศาลให้ทีมสิงโตน้ำเงินคราม แถมยังต้องถูกแบนจากตลาดนักเตะรอบนี้อีก ทำให้แนวรุกทีมชาติสหรัฐต้องกลายมาเป็นกำลังของทีมในทันที เจ้าหนูวัย 20 ปีเป็นนักเตะที่มีความเร็วและ การผ่านบอลที่แม่นยำ แถมยังเป็นเจ้าของสถิตินักเตะต่างชาติอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในศึกบุนเดสลีกา จึงไม่แปลกหากจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับซุปเปอร์สตาร์ชาวเบลเยี่ยมที่จากไป

ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ : ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ค่าตัว 53.7 ล้านปอนด์

                ไก่เดือยทองลงทุนทำลายสถิติสโมสรอีกครั้งเพื่อคว้าตัวกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสมาร่วมทีม มิดฟิลด์วัย 22 ปีโดนเด่นในเรื่องเกมรับ แถมยังเปี่ยมไปด้วยเทคนิคและพลังขับเคลื่อนในเกมรุก ต่างจากนักเตะหลายคนในทีมที่อาจคุมเกมรับได้ดี แต่ไม่อาจทำผลงานในการบุกให้ดีได้ ถือเป็นการยกระดับแผงมิดฟิลด์ให้ทีมเมืองหลวงพร้อมสำหรับการลุ้นแชมป์เต็มตัว

โรดรี้ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่าตัว 70 ล้านยูโร

                มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน เป็นนักเตะที่สุขุมเยือกเย็น มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ผ่านบอลได้อย่างแม่นยำ ครองบอลเหนียวแน่น สามารถเอาตัวรอดจากการกดดันของคู่แข่งได้ดี จนถูกยกย่องไปเทียบเคียงกับเซอร์คิโอ บุสเก็ตส์ จึงไม่แปลกที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะคว้ามาเป็นตัวตายตัวแทนของแฟร์นานดินโญ่ ที่เริ่มโรยรา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นสำหรับการป้องกันแชมป์

ดาเนียล เจมส์ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ค่าตัว 15 ล้านปอนด์

                ปีกทีมชาติเวลส์เป็นนักเตะที่มีความเร็วสูง โดยทำสถิติวิ่งไว้ที่ 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บ่อยครั้งจึงมักจะได้เห็นเจ้าหนูวัย 21 ปีใช้สปีดกระชากหนีแนวรับคู่ต่อสู้เป็นว่าเล่น และด้วยการเป็นนักเตะที่ถนัดทั้งสองเท้ายังช่วยให้เล่นเป็นตัวรุกริมเส้นได้ทั้งสองฝั่ง ถือเป็นอาวุธสำคัญในการเล่นเกมโต้กลับเร็วของทีมปีศาจแดง รวมไปถึงจังหวะกระชากหลบกองหลังเข้าไปทำประตูหรือสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้เพื่อนร่วมทีม

VAR เทคโนโลยีผู้ผดุงความยุติธรรม

VAR เทคโนโลยีผู้ผดุงความยุติธรรม

พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 รูดม่านเปิดฉากไปเรียบร้อยแล้ว แม้ปีนี้บรรดาทีมใหญ่จะพร้อมใจกันงดนำเข้านักเตะชื่อดังให้แฟนบอลได้ตื่นตาตื่นใจเหมือนหลายฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ความพิเศษของฤดูกาลนี้กลับอยู่ที่กฎกติกาใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปในหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะการนำ “วิดีโอช่วยตัดสิน” มาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของผู้ตัดสิน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลโดยตรงต่อความสนุกในการลุ้นแชมป์ปีนี้แน่นอน

แม้จะตามหลังลีกอื่นมาหลายปี แต่ปีนี้ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่พรีเมียร์ลีกได้นำเอาวิดีโอช่วยตัดสิน หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า VAR มาใช้เสียที หลายคนกังวลถึงความไม่ต่อเนื่องในเกม เอะอะก็ขอดู VAR อย่างเดียว หรือไม่ก็ใช้เวลานานกว่าจะสรุปคำตัดสินได้ จนทำให้รูปเกมในสนามหมดความสนุกไป แต่ในสถานการณ์จริงหาได้เป็นเช่นนั้น

ปัจจุบันผู้ตัดสินใช้เวลาไม่นานในการปรึกษากับผู้ช่วยในห้องวิดีโอผ่านชุดหูฟัง โดยไม่ต้องวิ่งไปดูวิดีโอข้ามสนามเองเหมือนเมื่อศึกบอลโลก ซึ่งแต่ละครั้งใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะได้คำตัดสิน และแม้จะบันทึกภาพการแข่งขันไว้ตลอดทั้งเกม ผู้ตัดสินก็สามารถเรียกใช้งาน VAR ได้เมื่อมีข้อสงสัยใน 4 กรณีเท่านั้น คือ จังหวะการทำประตู, โอกาสเป็นจุดโทษ, ใบแดงโดยตรง และความเข้าใจผิดในคำตัดสิน

การได้หรือไม่ได้ประตูจากจังหวะฟาล์ว แฮนด์บอล หรือล้ำหน้า ถือเป็นดราม่าที่อยู่คู่กับกีฬาฟุตบอลมายาวนาน หลายคนมองว่านี่คือเสน่ห์ในเกม แต่ไม่ใช่กับทีมที่เสียผลประโยชน์ หลายนัดแฟนบอลหน้าจอได้ประจักษ์ด้วยสายตาทันทีว่าการทำประตูเหล่านั้นสมควรเป็นประตูหรือไม่จากภาพช้าของการถ่ายทอดสด แต่ผู้ตัดสินซึ่งสมควรเป็นผู้รับชมภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุดกลับไม่มีโอกาสนั้น ทำให้หลายต่อหลายครั้งคำตัดสินจึงค้านกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเทคโนโลยี VAR จะช่วยให้ความจริงเหล่านั้นปรากฏในสนามทันที ดังเช่นที่ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ได้เจอมากับตัว

เพียงนัดแรก แมนฯ ซิตี้ ก็โดน VAR เล่นงานทันที เมื่อลูกยิงของ กาเบรียล เชซุส ถูกตัดสินว่ามีการล้ำหน้าจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่เป็นคนจ่ายบอลให้ทำประตู ก่อนที่จะมาได้ประโยชน์ถึง 2 หน ในจังหวะที่สเตอร์ลิ่งยิงประตูแล้วถูกสงสัยว่าเป็นการล้ำหน้า VAR ช่วยลบข้อสงสัยนั้นแม้จากภาพวิดีโอจะใกล้เคียงมากก็ตาม และอีกครั้งในการสังหารจุดโทษ เซย์คิโอ อเกวโร ยิงไปติดตัว ลูคัส ฟาเบียนสกี้ แต่ในจังหวะยิงเท้าของผู้รักษาประตูไม่ได้อยู่บนเส้น VAR ตัดสินให้ยิงทำการจุดโทษอีกครั้ง แล้วก็เป็น อเกวโร ที่ยิงแก้ตัวได้สำเร็จ

แต่แล้วในนัดต่อมาทีมเรือใบสีฟ้าก็กลายเป็นฝ่ายโดนเล่นงานอีกครั้ง คราวนี้เป็นเชซุสที่ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายทีมไก่เดือยทองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บท้ายเกม เรียกเสียงเฮทั่วทั้งสนาม แต่สุดท้าย VAR ทำการริบประตูคืนเมื่อภาพแสดงให้เห็นว่า เอมเมอริค ลาปอร์ก ทำแฮนด์บอลในจังหวะก่อนหน้านั้น ซึ่งกฎกติกาใหม่ระบุว่าหากลูกบอลสัมผัสบริเวณมือหรือแขนของผู้เล่นฝ่ายรุก ให้ถือว่าเป็นการแฮนด์บอลไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ แชมป์เก่าพลาด 2 แต้มสำคัญไปในที่สุด หากท้ายฤดูกาลแต้มที่หายไปเกิดมีผลต่อการป้องกันแชมป์ จังหวะนี้ต้องถูกยกมาพูดถึงอีกอย่างแน่นอน

ในวงการกีฬาโลก ภาพวิดีโอถูกนำมาช่วยให้การตัดสินเป็นไปด้วยความยุติธรรมนานแล้ว นี่จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่ยังต้องพัฒนาระบบ VAR ให้มีความเที่ยงตรงและรวดเร็วขึ้นไปอีก เพื่อไม่ให้เกิดกรณี “หัตถ์พระเจ้าของมาราโดน่า” ให้คาใจแฟนบอลผู้ดีอีกต่อไป และหวังว่าจะไม่มีใครออกมาต่อต้านการทำหน้าที่ของ VAR นับจากนี้ เหมือนที่ โชโซ่ มูรินโญ่ ได้กล่าวไว้ “VAR ก็เหมือนกล้องวงจรปิด มีแต่โจรเท่านั้นที่รังเกียจกล้องวงจรปิด”