มูลค่าที่หายไปตามกาลเวลาของ “อีวาน เปริซิช”

มูลค่าที่หายไปตามกาลเวลาของ “อีวาน เปริซิช”

ค่าตัวนักฟุตบอลในปัจจุบันพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจเมื่อเทียบกับในอดีต ทุกวันนี้นักเตะที่เริ่มฉายแววความสามารถก็ถูกตั้งราคาไว้ไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านยูโรแล้ว ซึ่งบ้างครั้งมูลค่าก็ไม่ได้สะท้อนถึงความสามารถที่แท้จริง เมื่อเทียบกับอดีตก็ไม่ใช่ว่านักเตะปัจจุบันจะมีความสามารถที่เหนือมากกว่า แต่เพราะสโมสรชั้นนำต่างต้องการความสำเร็จแบบเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องมองหานักเตะจากทีมอื่นเพื่อยกระดับทีมตัวเองให้ต่อกรกับคู่แข่งได้ แทนที่จะรอคอยการปลุกปั่นนักเตะเยาวชนเหมือนเดิม เมื่อความต้องการจากหลายสโมสรชั้นนำมีมากกว่าจำนวนนักเตะคุณภาพในตลาด ราคาที่เกิดขึ้นจึงเป็นไปตามกลไกตลาดปกติ อย่างในกรณีที่เกิดขึ้นกับ “อีวาน เปริซิช”

 เปริซิส ถือเป็นนักเตะกำลังหลักของ “อินเตอร์ มิลาน” และทีมชาติโครเอเชีย โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ เขาพาทีมตราหมากรุกเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายให้ทีมพลังหนุ่มอย่างทีมชาติฝรั่งเศสในที่สุด แม้จะเป็นแค่รองแชมป์ แต่กลับโชว์ฟอร์มตลอดทัวร์นาเมนต์ได้อย่างโดดเด่น เป็นดาวซัลโวของทีมด้วยผลงาน 3 ประตู จนได้รับการจับตามองจากสโมสรชั้นนำในยุโรปหลายทีม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเด็ด” ด้วยสไตล์การเล่นแบบปีกธรรมชาติที่ใช้ความเร็วลากเลื้อยและเปิดบอลเข้ากลาง แถมยังมีความขยันลงมาช่วยเกมรับอยู่เสมอ ซึ่งเป็นนักเตะที่ปีศาจแดงขาดแคลนมานานหลายปี ทำให้โชเซ่ มูรินโญ่ อยากได้ตัวอดีตลูกทีมคนนี้มาร่วมงานอีกหน ส่งผลให้ค่าตัวของเปริซิชในวัย 29 ปีพุ่งขึ้นไปถึง 60 ล้านยูโร แต่จนแล้วจนรอดดีลนี้ก็ไม่เกิดขึ้น มีกระแสว่าเปริซิชต้องการร่วมงานกับลูชาโน่ สปัลเล็ตติ กุนซือคนปัจจุบันมากกว่าอดีตเจ้านายอย่างมูรินโญ่ ด้วยเหตุผลทางฟุตบอลแล้วถือว่าเปริซิชตัดสินใจได้ดี เพราะเขาและเพื่อนร่วมทีมช่วยกันพาทีมงูใหญ่ครองอันดับ 4 คว้าตั๋วไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า ในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้เพียงอันดับ 6 แถมมูรินโญ่ยังอยู่ไม่ครบฤดูกาลอีกด้วย และดูท่าผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลา จะชอบใช้งานดาวรุ่งมากกว่านักเตะอายุมากอย่างเขา

แต่แล้วชีวิตของเปริซิชก็มีอันต้องตัดสินใจอีกครั้ง เมื่ออันโตนิโอ คอนเต้ ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้านายคนใหม่ กุนซือชาวอิตาลีมาพร้อมระบบการเล่น 3-5-2 ส่งผลให้เปริซิชต้องเปลี่ยนไปเล่นกองหน้าที่ไม่ใช่ตำแหน่งถนัดจึงทำผลงานได้ไม่ดี แถมนายใหม่ยังลงทุนก้อนโตไปกับนักเตะคนโปรดอย่าง โรเมลู ลูกากู มาเป็นคู่แข่งแย่งตำแหน่งโดยตรงเสียอีก จนท้ายที่สุดแล้วเขาจึงตัดสินย้ายไปร่วมทีม “บาเยิร์น มิวนิค” ด้วยสัญญายืมตัวทั้งฤดูกาลพร้อมออฟชั่นซื้อขาดในราคาเพียง 20 ล้านยูโร มูลค่าต่ำกว่าปีที่แล้วถึง 40 ล้านยูโร!

กลไกตลาดยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่เสมอ เมื่อเจ้าของไม่มีความต้องการในสินค้าตัวนั้นแล้ว ย่อมมองว่าสินค้าตัวนั้นเป็นของมือสองและพร้อมระบายสินค้าออกเมื่อได้มูลค่าที่พอใจแม้จะต่ำกว่าเดิม

ในทางธุรกิจอินเตอร์ มิลาน คงไม่รู้สึกเสียหายกับมูลค่าที่หายไป เพราะการดึงให้เปริซิชไว้กับทีมในฤดูกาลก่อน ส่งผลให้ทีมได้โอกาสลงเล่นในศึกแชมเปียนส์ลีก ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ทีมอย่างมหาศาล ส่วนในมุมของเปริซิชเอง การได้ร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิคย่อมการันตีตำแหน่งแชมป์ที่ห่างหายไปนานให้กับเขา แม้จะไม่ได้เป็นนักเตะคนสำคัญในทีมใหม่ก็ตาม ถือเป็นการจากกันแบบ วิน-วิน เลยทีเดียว

“เมาโร อิคาร์ดี้” แก้วที่รอวันแตกของอินเตอร์ มิลาน

“เมาโร อิคาร์ดี้” แก้วที่รอวันแตกของอินเตอร์ มิลาน

เป็นปัญหาคาราคาซังที่ยังมองไม่เห็นทางออกสำหรับอนาคตของ “เมาโร อิคาร์ดี้” กับต้นสังกัดอย่างอินเตอร์ มิลาน เมื่ออันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมคนใหม่ยืนยันหนักแน่นว่าศูนย์หน้าทีมชาติอาร์เจนติน่าไม่อยู่ในแผนทำทีมของเขา พร้อมเปิดทางให้หาต้นสังกัดใหม่ได้ทันที แต่แวนด้า นารา เอเยนต์และภรรยาของอิคาร์ดี้ กลับให้สัมภาษณ์กับสื่อว่านักเตะในการดูแลของเธอพร้อมปฏิเสธทุกข้อเสนอจากทุกสโมสรเพื่อเล่นให้กับอินเตอร์ มิลานสโมสรเดียว! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แวนด้า แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะสวนทางกับต้นสังกัดของสามี เพราะเธอได้ชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาของทีมงูใหญ่มานานหลายปี

                แวนด้าแต่งงานกับอิคาร์ดี้ในปี 2014 และกลายมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวในที่สุด ขณะนั้นศูนย์หน้าชาวอาร์เจนไตน์ในวัย 21 ปี ถือเป็นกำลังสำคัญของทีมงูใหญ่ในการไล่ล่าความสำเร็จกลับสู่ซาน ซิโร่ จนได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา แม้จะยังไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ใดได้ตลอด 6 ปี แต่อิคาร์ดี้ก็สร้างผลงานการยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำถึง 124 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดของกัลโช่ เซเรียอา 2 สมัย จนสโมสรชั้นนำหลายแห่งมองหาโอกาสที่จะดึงตัวไปร่วมทีม ซึ่งแวนด้าเองก็รู้ในจุดนี้จึงได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายสำนักเกี่ยวกับการย้ายทีมของสามีเธอเป็นประจำ จนสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งสโมสรและเหล่าแฟนบอล

ปัญหาเริ่มหนักขึ้นในปี 2016 อิคาร์ดี้ต่อสัญญาใหม่กับอินเตอร์ มิลาน เป็นเวลา 5 ปี โดยมีเงื่อนไขการฉีกสัญญาที่ 110 ล้านยูโรสำหรับสโมสรนอกลีกอิตาลี จากนั้นไม่นานเหล่าแฟนบอลพันธุ์แท้ของสโมสรเรียกร้องให้มีการริบปลอกแขนกัปตันทีม เนื่องจากอิคาร์ดี้ได้วิจารณ์แฟนบอลกลุ่มนี้ลงในหนังสือที่เจ้าตัวเขียน แวนด้าให้สัมภาษณ์ทันทีว่าสามีเธอต้องการย้ายไปนาโปลี ทั้งที่เพิ่งต่อสัญญากับสโมสรไปได้ไม่นาน หลังจากนั้นก็ยังให้สัมภาษณ์โยงไปถึงอีกหลายสโมสรเป็นระยะ รวมไปถึงวาดฝันว่าจะค่าตัวจะสูงถึง 200 ล้านยูโร แต่จนแล้วจนรอดศูนย์หน้าอาร์เจนติน่าก็ยังปักหลักอยู่ในถ้ำงูไม่ไปไหน

จนกระทั้งปี 2018 อิคาร์ดี้กลับมาอยู่ในฟอร์มร้อนแรงอีกครั้ง ครองตำแหน่งดาวซัลโวและผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของเซเรียอา แวนด้าได้จังหวะปั่นราคาอีกครั้งโดยโยงไปถึงยูเวนตุส และเรอัล มาดริด แม้ทางงูใหญ่ต้องการรั้งตัวศูนย์หน้าคนสำคัญไว้กับทีมจึงได้มีความพยายามต่อสัญญาใหม่ออกไป แต่แวนด้ากลับพูดโจมตีสโมสรผ่านรายการโทรทัศน์ จนนำไปสู่การล้มเลิกการเจรจาและริบปลอกแขนกัปตันทีมจากอิคาร์ดี้ในที่สุด

ในวันที่คอนเต้เข้ารับตำแหน่งได้ประกาศชัดเจนว่า เมาโร อิคาร์ดี้ กับรัดยา เนียงโกลัน สองนักเตะตัวปัญหาจะไม่ได้ไปต่อในทีมของเขา โดยรายหลังลากกระเป๋าออกไปแล้ว เหลือก็แต่อิคาร์ดี้ที่ยังคงไม่มีที่ไป ยิ่งตอนนี้คอนเต้ได้ศูนย์หน้าคนโปรดอย่าง โรเมลู ลูกากู มารับหน้าที่แทนแล้ว ศูนย์หน้าอาร์เจนไตร์จึงตกอยู่ในสถานะส่วนเกินเต็มตัว และด้วยปัญหาที่ผ่านมาทำให้ไม่มีทีมไหนอยากจะรับไปดูแลแทนเสียด้วย สมดังคำโบราณว่า “มีเมียผิด คิดจนเมียตาย”